วันนี้เจ้าสิงโตจะพาไปเยือนมุกดาหาร เมืองสวยริมฝั่งโขง ที่มีความเงียบสงบและความเชื่อเกี่ยวกับพญานาค มีสถานที่ Unseen สวยๆโดยเฉพาะรูปปั้นพญานาค ตามเจ้าสิงโตไปดูกันเลยว่าจะอลังการแค่ไหน
#Django150
#PeugeotDJANGO
#PeugeotMotocycles
#PeugeotMotocyclesThailand
#PeugeotDJANGOshareshoes

ตั้งอยู่ใน เขตบ้านนาแกน้อย อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร เป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจมีทัศนียภาพที่สวยงาม มองเห็นวิวลำน้ำโขงทอดยาวซึ่งเป็นพรมแดนกั้นระหว่างประเทศไทยและเมืองไชยบุรี สปป.ลาว อากาศปลอดโปร่ง มีลมพัดตลอดเวลา ในพื้นที่ของแก่งกะเบายังมีแลนด์มาร์คที่โดดเด่น คือรูปปั้นพญานาคหินอ่อน ลำตัวสีขาวหันหน้าไปทางลำน้ำโขงมีความงดงามและสง่างาม
แก่งกระเบา ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดสองคอน ห่างจากตัวจังหวัดมุกดาหาร 35 กม มีอาณาเขตติดต่อ กับ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ห่าง จากอ.ธาตุพนมเป็นระยะทาง 24 กม. เพราะฉะนั้นหากใครมาเที่ยวแก่งกระเบาแล้วอยากแวะไปไหว้พระธาตุพนม สามารถเดินทางไปได้ในระยะเวลาอันใกล้ ในฤดูแล้งน้ำลดจนเห็นเกาะแก่งกลางน้ำและหาด ทรายสวยกว่าฤดูอื่นๆ ซึ่งแต่ก่อนเป็นสถานที่เล่นน้ำ แต่ปัจจุบันไม่สามารถเล่นน้ำได้

เป็นสะพานที่เชื่อมต่อแขวงสะหวันนะเขด ในประเทศลาว กับ จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งมีความยาวทั้งหมด 1,600 เมตร มีความกว้าง 12เมตร และมีช่องการจราจร 2 ช่อง ตัวสะพานเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2547 สะพานเปิดให้สาธารณะใช้เมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2550 สะพานมิตรภาพ 2 (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต) เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเส้นทางคมนาคมขนส่งทางบกในแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก เชื่อมโยงจากทางตะวันออกคือ เมืองดานัง (เวียดนาม) ข้ามแม่น้ำโขงฝั่งลาวที่บริเวณบ้านนาแก เมืองไกสอน พมวิหาน แขวงสะหวันนะเขต และข้ามมาประเทศไทยที่บริเวณบ้านสงเปือย ตำบลบางทราย จังหวัดมุกดาหาร และผ่านไปยังฝั่งตะวันตกที่ชายแดนไทย-พม่า ที่อำเภอแม่สอดและเมืองเมียวดี ก่อนไปสิ้นสุดที่เมืองมะละแหม่งของพม่า

สร้างขึ้นตรงกับสมัยอยุธยาตอนปลาย รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แรกเริ่มสร้างวัดนั้นอยู่ในระยะที่ตั้งตัวใหม่ เสนาสนะคงมีแต่กุฏิ และศาลาโรงธรรมและรั้ววัดเท่านั้น วัดมโนภิรมย์มาเจริญเป็นปึกแผ่นมั่นคงเมื่อพ.ศ. 2269 ต่อมาผู้นำในการสร้างและต่อเติมวัดแห่งนี้คือท่าน หอ พระครูกัสสปะ จารย์โชติ บุตรชายท้าวเมืองโครก ผู้นำวัสดุก่อสร้างวัดพระราชทานจากกษัตริย์กรุงเวียงจันทน์ การก่อสร้างโบสถ์ พัทธสีมา ส่วนประกอบ ลวดลาย รั้ววัด เสร็จเรียบร้อยภายใน3 ปี คือ พ.ศ. 2299
วันที่ 28 เดือน มีนาคม พ.ศ. 2447 เกิดอัคคีภัย ไฟไหม้ บ้านเรือน วัดวาอาราม วอดวายเสียหายอย่างประเมินค่ามิได้ โดยเฉพาะวัดมโนภิรมย์อันมีกุฏิ วิหาร พัทธสีมา ศาลาการเปรียญ ตู้พระไตรปิฏก พระพุทธรูป เรือแข่ง รั้ววัด ตลอด ฆ้อง กลอง ระฆัง ไฟไหม้วอดวายเสียหายสิ้น
พ.ศ.2448 ศรีสุราช และชาวบ้านได้ไปนิมนต์พระบุ นันทวโร จากบ้านท่าสะโนซึ่งเป็นบ้านเดิม มาเป็นผู้นำซ่อมแซมปฏิสังขรณ์ ท่านได้นำชาวบ้านซ่อมแซมวัดมโนภิรมย์ อยู่ 6 ปี จึงสำเร็จเรียบร้อยทุกอย่าง คือ กุฏิ วิหาร พัทธสีม ศาลา รั้ววัด แม้กระทั่งเรือแข่ง ด้วยความพากเพียรพยายามของท่าน การปฏิสังขรณ์จึงสำเร็จลุล่วงลงด้วยดี และคงไว้ซึ่งศิลปะดั้งเดิม การบูรณะปฏิสังขรณ์แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2454
ศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมที่ควรหยิบยกขึ้นมากล่าวถึง คือแบบอย่าง เป็นแบบ เขมร ไทย ลาว ผสมผสานกัน แต่ทุกอย่างประณีตอ่อนช้อยงดงาม







